บทความวิชาการ

กองทุนชดเชยภาวะแทรกซ้อนตาติดเชื้อหลังผ่าตัดต้อกระจก (Compensation Fund for eye infection complications after cataract surgery)

การศึกษาเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) กาหนดรูปแบบผลประโยชน์เงื่อนไขของกองทุน 2) เพื่อศึกษาอัตราเบี้ยประกันภัยที่จ่ายเข้ากองทุน วิธีการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการกาหนดรูปแบบผลประโยชน์เงื่อนไขของกองทุน ส่วนที่สองเป็นการศึกษาถึงอุบัติการณ์การเกิดโรคตาติดเชื้อหลังผ่าตัดต้อกระจก (post cataract surgery endophthalmitis) ของผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดต้อกระจกในประเทศไทย ระหว่างปี 2551-2554 ในโครงการสานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งเป็นการผ่าตัดต้อกระจกที่มีจานวนมากที่สุดในประเทศไทยและศึกษาค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเพื่อนามาใช้ศึกษาอัตราเบี้ยประกันภัยที่จ่ายเข้ากองทุน จากการศึกษาพบว่า อัตราเงินสมทบที่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการดาเนินงาน = [ค่าชดเชยทางการรักษาพยาบาล + (ค่าชดเชยในการสู้คดี × อุบัติการณ์ฟ้องร้อง) + (ค่าชดเชยความรับผิดทางการแพทย์ × อุบัติการณ์ฟ้องร้อง × อุบัติการณ์จักษุแพทย์แพ้คดี)] × (อุบัติการณ์เกิดตาติดเชื้อหลังผ่าตัดต้อกระจก) ซึ่งปัจจัยที่เป็นผลกระทบสูงสุดต่ออัตราเงินสมทบที่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการดาเนินงาน คืออุบัติการณ์การเกิดโรคตาติดเชื้อหลังผ่าตัดต้อกระจกโดยเฉลี่ยคือ 0.047% ซึ่งจัดว่าสูงกว่าประเทศในแถบเอเชียด้วยกันทาให้อัตราเงินสมทบที่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานที่คาดไว้คือ 1551 บาทต่อการผ่าตัดดวงตาหนึ่งข้าง เนื่องจากการศึกษาวิจัยในครั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อมุ่งหมายเพื่อให้เป็นทางออกของสังคม เพื่อชดเชยเยียวยาผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจาการรักษาโรคต้อกระจกและมีผลแทรกซ้อนที่ร้ายแรงเพื่อให้ลดการฟ้องร้องจักษุแพทย์ผู้ผ่าตัดตามมาตรฐานการรักษา และเป็นการบริหารความเสี่ยงของจักษุแพทย์สาหรับเตรียมการฟ้องร้องที่จะตามมาในอนาคต โดยการศึกษาถึงอัตราเบี้ยประกันภัยที่จ่ายเข้ากองทุนลักษณะนี้ในประเทศไทยที่ยังไม่เคยมีการจัดหน่ายมาก่อน จึงสามารถใช้ผลการวิจัยในครั้งนี้เป็นการศึกษาในเบื้องต้นและเมื่อกองทุนได้ดาเนินงานจริงควรนาตัวแปรของอุบัติการณ์ต่างๆมาปรับใช้อีกทีและอาจนาไปสู่การศึกษาเพิ่มเติมในภายหลังได้ การศึกษาอิสระในครั้งนี้สามารถนาไปวิเคราะห์เพิ่มเติมได้เพื่อเป็นแนวทางให้บริษัทประกันจัดจาหน่ายกรมธรรม์ในรูปแบบใหม่ๆออกจาหน่ายได้ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ทาการรักษาต้อกระจกสามารถนากองทุนนี้ไปป้องกันความเสี่ยงให้กับแพทย์ผู้ทาการรักษาผู้ป่วยให้แพทย์มีความมั่นใจในการรักษา และสถานพยาบาลจะมีเงินชดเชยผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนตาติดเชื้อหลังผ่าตัดต้อกระจก เพื่อลดปัญหาการฟ้องร้อง ทาให้ช่องว่างความสัมพันธ์ของแพทย์และผู้ป่วยดีขึ้น จากการศึกษานี้สามารถนาแนวคิดไปประยุกต์ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ด้านประกันความรับผิดทางทางการแพทย์อื่นๆ ที่มีลักษณะอุบัติการณ์เกิดต่าแต่ความรุนแรงสูง และผู้ป่วยไม่อยู่ในภาวะฉุกเฉินก่อนการรักษา (elective case) เช่น ประกันคลอดบุตรปลอดภัย, กองทุนติดเชื้อหลังผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมเป็นต้น

This study aims to 1) determine the conditions of benefit fund, and 2) study the premium rate paid to the fund. The study was divided into 2 parts: the first part defines the format for the benefit of the fund, and; the second part studies the incidence of eye infections after cataract surgery (post-cataract surgery endophthalmitis) of patients who received cataract surgery from 2008-2011 under the National Health Care system (SS Gold Card), which has the highest number of cataract surgery cases in Thailand and the cost of treatment paid by the insurance fund. The study found that subsidy rates are not included in the cost of operation which are as follows: [Compensation for medical treatment + (Compensation for defense x Incidence of litigation) + (Medical liability compensation x Incidence of litigation x Incidence when ophthalmologist losses the case)] X Incidence of eye infections after cataract surgery These factors affect the rate of maximum contributions. The incidence of eye infections after cataract surgery average is 0.047%, which is higher than other Asian countries. Approximate cost per eye surgery expected is 1551 Baht. This study aims to provide a solution to compensate for the social rehabilitation of patients who receive cataract treatment and complications of medical litigation expenses which puts ophthalmologists at risk after performing standard surgical treatment. Currently, the National Health Care system does not have a premium rate for this. Because there is not enough data regarding the incidence rate, more research has to be done to analyze necessary information. This study can be used to prevent litigation risks for ophthalmologists, and compensate affected patients. This can also improve the doctor-patient relationships. This can also be applied to other high risk elective cases with low incidence such as delivery cases (post-partum) and knee replacement.


ชื่อผู้แต่ง : รุ่งเกียรติ จางไววิทย์ (Rungkiat Changwaiwit)
คำสำคัญ : ต้อกระจก, การติดเชื้อในลูกตา, รับผิดทางการแพทย์, ฟ้องร้องแพทย์;Cataract, Endophthalmitis, Malpractice liability, Sue a doctor
ประเภท : วิทยาการประกันภัย
พ.ศ. : 2556   ปีที่ : 1   ปีที่ : 1  

© 2015 สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | National Institute of Development Administration. All rights reserved.
118 หมู่ที่ 3 ถนนเสรีไทย แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 Tel: 0-2727-3000 Fax: 0-2375-8798 E-mail: prnida@nida.ac.th